ดีเอโก้ ริบาส ดา คุนย่าโลโก้ไอคอน
ดีเอโก้ ริบาส ดา คุนย่าข้อมูลพื้นฐาน
นักฟุตบอล: | ดีเอโก้ ริบาส ดา คุนย่า |
ชื่อภาษาอังกฤษ: | Ribas da Cunha Diego |
ตำเเหน่งเตะบอล: | กองกลาง |
สโมสรปัจจุบัน: | ฟลาเมงโก |
เวลาย้ายเข้า: | 2016-7-19 |
หมายเลขเสื้อ: | 10 |
สัญชาติ: | อิตาลี,บราซิล |
วันเกิด: | 1985-2-28 |
ส่วนสูง: | 173cm |
น้ำหนัก: | 73kg |
สโมสรที่แล้ว: | เฟเนร์บาห์เช่ |
สโมสรก่อน: | เฟเนร์บาห์เช่,แอตเลติโก้ มาดริด,แอตเลติโก้ มาดริด[ยืมตัว],โวล์ฟสบวร์ก,ยูเวนตุส,ปอร์โต้,แวร์เดอร์ เบรเมน,ซานโตส |
มูลค่าตลาด: | 0.0 € |
คำนำ
หนึ่งในมิดฟิลด์ที่ถือว่าเนื้อหอมที่สุดในชั่วโมงนี้ก็คงจะหนีไม่พ้น ดีเอโก้ เพลย์เมกเกอร์ชาวบราซิเลี่ยน ที่โชว์ฟอร์มได้เยี่ยมจนพาแวร์เดอร์ เบรเมน รั้งรองจ่าฝูงบุนเดสลีก้า
มีไม่บ่อยนักที่นักเตะซึ่งค้าแข้งอยู่ในบุนเดสลีก้าจะเป็นที่หมายปองของหลายทีมยักษ์ใหญ่ในคราวเดียวกัน แต่ ดีเอโก้ สามารถทำให้ทั้งเรอัล มาดริด, บาร์เซโลน่า และ ยูเวนตุส ซึ่งถือเป็นสโมสรชั้นนำของยุโรปต้องแก่งแย่งกันอย่างเต็มที่เพื่อจะดึงตัวเขามาร่วมทีม
ด้วยเซนส์บอลที่ยอดเยี่ยม บวกกับทักษะในเชิงลูกหนังที่แพรวพราวตามสไตล์แข้งแซมบ้า ทำให้ ดีเอโก้ เป็นขวัญใจแฟนบอลได้อย่างไม่ยากเย็น นอกจากนั้น การยิงฟรีคิกของเขายังหวังผลได้เสมอ
แม้จะมีอายุเพียง 22 ปี แต่มิดฟิลด์คนเก่ง ก็กลายเป็นกำลังสำคัญให้กับ เบรเมน ได้แบบเต็มตัว และไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุผลที่ทำให้ "เจ้านกนางนวล" บินสูงได้อย่างทุกวันนี้ ก็มาจากฝีเท้าของ ดีเอโก้ เป็นหลักด้วย
เส้นทางการค้าแข้งของ ดีเอโก้ เริ่มขึ้นจากการเซ็นสัญญาเป็นนักเตะเยาวชนของทีมซานโต๊ส ทีมดังของลีกเมืองกาแฟ ด้วยวัยเพียง 12 ปี ก่อนที่จะเลื่อนชั้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ขณะที่อายุ 16 ปี ในศึกริโอ-เซา เปาโล แชมเปี้ยนชิพ เมื่อปี 2002 และในปีเดียวกัน เขาก็คว้าแชมป์ภายในประเทศอย่าง คัมปิโอนาโต้ บราซิเลโร่ มาครอง
จากฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นเกินวัย ทำให้ ดีเอโก้ ถูกเรียกตัวมาติดทีมชาติบราซิลเป็นครั้งแรกในศึกโคปา อเมริกา 2004 และเขาก็มีส่วนช่วยให้ทีมคว้าแชมป์เมื่อยิงจุดโทษไม่พลาดในเกมที่พบกับ อาร์เจนตินา ในรอบชิงชนะเลิศ
ดีเอโก้ และ โรบินโญ่ ซึ่งตอนนี้อยู่กับเรอัล มาดริด ถือเป็นคู่หูดูโอที่โด่งดังของ ซานโต๊ส โดย ดีเอโก้ เกือบจะได้ย้ายไปค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกกับท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ แล้ว แต่การเซ็นสัญญากลับเป็นหมันในนาทีสุดท้ายเมื่อประธานสโมสรซานโต๊ส เปลี่ยนใจไม่ยอมปล่อยสตาร์รายนี้ออกจากทีมในปี 2003
อย่างไรก็ตาม ในปีต่อมา ปอร์โต้ ยักษ์ใหญ่ของโปรตุเกส ก็คว้าตัว ดีเอโก้ ไปร่วมทีมได้สำเร็จ แต่การที่เขาไม่ได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอก็ทำให้ถูกหั่นจากทีมชาติบราซิลชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2006
แม้จะไม่เปรี้ยงปร้างมากนักกับปอร์โต้ แต่ แวร์เดอร์ เบรเมน ก็ยังเห็นถึงศักยภาพอันยอดเยี่ยมที่มีอยู่ในตัวของดาวเตะชาวแซมบ้า ก่อนจะเซ็นสัญญาคว้าตัวมาร่วมทีมในเดือนพ.ค. 2006 และสัญญาจะหมดลงในปี 2010
แมตช์แรกของ ดีเอโก้ กับ เบรเมน คือเกมรอบชิงชนะเลิศเดเอฟเบ ลีก้า โพคาล ซึ่ง "เจ้านกนางนวล" พลิกล็อกเอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค ไปได้ในวันที่ 5 สิงหาคม 2006
เบรเมน จบด้วยอันดับ 3 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กลุ่ม เอ และต้องหล่นมาเล่นในศึกยูฟ่า คัพ แทน ซึ่งพวกเขาก็สามารถผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ หลังจากพิชิตเอแซด อัล์คมาร์ ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งคงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่า ดีเอโก้ คือกุญแจสำคัญที่พาทีมมาไกลถึงขนาดนั้น
แม้จะไม่สามารถคว้าถาดแชมป์มาครองได้ แต่ ดีเอโก้ ก็ได้รับการโหวตให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล 2006/07 จากการประกาศของ คิกเกอร์ แม็กกาซีนฟุตบอลชื่อดังของเยอรมัน โดยเขาได้รับคะแนนมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์
จากฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นดังกล่าวทำให้ บราซิล เรียกนักเตะร่างเล็กกลับมาติดทีมชาติอีกครั้ง ก่อนที่เจ้าตัวจะคว้าเหรียญแชมป์โคปา อเมริกา สมัยที่ 2 มาคล้องคอได้สำเร็จ ในเดือนกรกฏาคม 2007
ฤดูกาลนี้ ดีเอโก้ ก็ยังคงทำผลงานได้ดีเช่นเคย และนั่นก็เป็นเหตุผลให้ทั้ง บาร์เซโลน่า, เรอัล มาดริด และ ยูเวนตุส 3 ทีมยักษ์ใหญ่ของยุโรป ประกาศความสนใจในตัวเพลย์เมกเกอร์รายนี้อย่างชัดเจน แม้ว่าเจ้าตัวจะเพิ่งต่อสัญญากับทีมไปอีก 1 ปี
ยังไม่มีความคิดเห็น ขอพูดสักสองสามคำ...